12. การใช้ชีวิตอยู่ระหว่างทางเลือก 2 ทาง
ถึงตอนนี้คุณคงพอรู้บ้างแล้วถึงความลับที่จะสร้างผลกำไรอย่างเป็นกอบเป็นกำจากการเทรด คุณต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ของตลาด เลือกที่จะบุกเพื่อ maximize กำไรของคุณเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่เอื้ออำนวย
แต่ จะทำการเข้าเทรดแต่ละเทรดทำอย่างไร? คุณจำเป็นต้องคิดให้แตกต่างตามสถานการณ์หรือเปล่า? คำตอบคือ แน่นอน คุณต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับทางเลือกที่ตรงข้ามกันเสมอ
"บททดสอบแรกของการวัดความฉลาดของมนุษย์นั้นคือความสามารถในการมีความคิด 2 ขั้วอยู่ในหัวสมองในช่วงเวลาเดียวกัน และสามารถที่จะปรับเปลี่ยนมุมมองได้ตลอดเวลา"
-F Scott Fitzgerald-
เทรดเดอร์ส่วนใหญ่มีนิสัยในการมองตลาดแบบ Absolutes (มองอะไรแบบเป๊ะ ๆ) "Indicator ของฉันบอกแล้วว่าตอนนี้เป็น bullish ฉันคิดว่าราคามันน่าจะขึ้นแล้ว" หรือ "นี่มัน bearish pattern ชัด ๆ ตลาดควรจะลงแล้วล่ะ" การมีความคิดแบบนี้จะเป็นเรื่องยากมากที่จะยืดหยุ่นไปตามสถานการณ์ และนี่เป็นกุญแจอีกดอกนึงในการไปให้ถึง uncommon profits คือคุณต้องไหลและปรับเปลี่ยนไปตามตลาด การที่คุณไม่มีความยืดหยุ่นในการเทรดแต่ละเทรด จะทำให้คุณคาดหวังบางอย่างล่วงหน้า เมื่อมันไม่เกิดขึ้นตามที่คุณหวังคุณก็จะฟันธงทันที "โอ่ย สิ่งนี้เกิดขึ้นได้ยังไงเนี่ย" คุณบ่นกับตัวเอง
สิ่งที่คุณจะต้องทำก็คือ เริ่มต้นคิดแบบ quote ด้านบน คุณต้องมีทางเลือก 2 ทาง (หรือมากกว่านั้น) เอาไว้ในหัวสมองของคุณตลอดเวลาในระหว่างการเทรด และสามารถปรับเปลี่ยนใช้งานได้อย่างคล่องตัว แทนที่คุณจะมองหาความสมบูรณ์แบบ คุณต้องสร้างสถานการณ์ความเป็นไปได้ต่าง ๆ ไว้ในสมอง แบบ if/than thinking
ถ้าตลาดมีพฤติกรรมแบบนี้ นั่นแปลว่ามีความน่าจะเป็นที่จะเกิดสิ่งต่อไปนี้... ถ้าราคาสามารถคงอยู่เหนือราคานี้ได้ แปลว่า? ถ้าราคา break ลงต่ำกว่าราคานี้ แปลว่า? มันไม่มีสิ่งที่การันตีหรอกครับว่ามันจะต้องเกิดขึ้นจริง ความสนุกและน่าสนใจสำหรับเรื่องนี้คือการมีความรู้สึกที่สบายกับการมีทางเลือกหลาย ๆ ทางอยู่ในหัวสมอง แล้วหยิบมาใช้ได้ทันทีที่เกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ ขึ้น แทนที่จะมีความคิดแบบ ต้องเป็น ต้องใช่ ต้องถูก ต้องผิด อยู่ในหัวสมอง นี่คืออีกเหตุผลหนึ่งว่าทำไมการเทรดมันถึงยากนักและท้าทายเป็นอย่างมากในเวลาเดียวกัน
- เพราะคุณจะไม่ยึดติดภาพว่าตลาดจะต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้อยู่ในหัวสมอง ทำให้คุณสามารถอ่านสัญญาณ real-time ได้แบบอิสระ คุณไม่ได้กดดันตัวเองในการที่จะพยายามพิสูจน์ตัวเองว่าคุณถูกหรือผิด แต่คุณปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์จริงของตลาด คุณอาจจะมีความคิดว่าสถานการณ์ด้านหนึ่งน่าจะมีโอกาสเกิดขึ้นมากกว่า แน่นอนว่าคุณมีได้ แต่การมีสถานการณ์อีกด้านหนึ่งอยู่ในสมองนั่นคือการบอกกับตัวเองว่าอีกสถานการณ์หนึ่งก็มีความเป็นไปได้นะ และการมีทางเลือกในสมองแบบนี้จะทำให้คุณไม่กีดกันข้อมูลที่สำคัญในฝั่งตรงกันข้ามที่ตลาดกำลังบอกคุณ
สมองของเรานั้นมีแนวโน้มที่จะสร้างสูตรขึ้นมาเองในสมอง โดยเฉพาะเวลาที่เราเชื่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง (เช่น เชื่อว่าตลาดน่าจะลง) หัวสมองของเราจะคัดกรองเอาสิ่งตรงกันข้ามออกไปให้แบบอัตโนมัติ แม้ว่าตลาดกำลังส่งสัญญาณบอกในสิ่งตรงกันข้ามก็ตามแต่สมองของเราจะคัดกรองเอาสิ่งนั้นออกไปทำให้เราไม่สามารถสังเกตุเห็นได้ (คุ้น ๆ กับสถานการณ์การเมืองบ้านเราเน้อะ) หรือแม้แต่สังเกตุเห็นได้ แต่ก็ตีความผิดเพราะเชื่อในสิ่งตรงกันข้ามไปแล้ว ซึ่งนี่คือธรรมชาติของมนุษย์ แต่เราสามารถปรับปรุงข้อด้อยตรงนี้ได้ นั่นคือการมีความคิด 2 สิ่งที่ตรงกันข้ามกันอยู่ในสมองเราตลอดเวลา คิดในรูปแบบ if/then statements สร้างเคสต่าง ๆ ที่น่าจะเกิดขึ้นไว้เป็นข้อมูลในสมองตลอดเวลามันจะทำให้คุณสามารถอ่านตลาดได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น - ข้อได้เปรียบประการที่สอง การจะเป็นเทรดเดอร์ที่ยิ่งใหญ่ได้ ไม่ใช่แค่มีความสามารถในการตัดขาดทุนได้รวดเร็วพอ แต่คุณต้องสามารถเทรดกลับทางได้อย่างง่ายดายเหมือนพลิกฝ่ามือ คุณอาจจะเคยได้ยินมาบ้างแต่อาจจะไม่รู้ว่าทำยังไง ถึงตอนนี้คุณควรที่จะต้องรู้ ถ้าคุณมีทางเลือกของสถานการณ์ที่แตกต่างเก็บไว้ในสมองอยู่เสมอ คุณจะไม่สงสัยหรือตั้งคำถามว่า มันจะเป็นไปได้เหรอที่ตลาดจะ reverse ตอนนี้ คุณจะไม่ใส่ใจว่าคุณกำลังผิดหรือถูก คุณจะไม่มีอีโก้ในการตัดสินใจ เพราะคุณรู้อยู่เสมอว่าความเป็นไปได้มันมีอยู่จริง คุณแค่มองตลาดแบบความน่าจะเป็นว่าสิ่งไหนคือสิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นได้มากที่สุดตามข้อมูลที่ตลาดให้คุณมา และนั่นคือความแตกต่างระหว่างการจบลงด้วยการเสียเทรด หรือการได้เทรดที่เสียกลับคืนอย่างรวดเร็ว จนถึงกระทั่งมี big winner ทำแบบนี้สัก 2 - 3 ครั้งต่อเดือนจะทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างเสียกับได้ ทำแบบนี้เป็นประจำจะทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างกำไรแบบธรรมดากับ uncommon profits.