Day Trader: A Unique Blueprint สำหรับเทรดเดอร์อิสระธรรมดา ที่ต้องการทำกำไรแบบไม่ธรรมดา Part 13

13. เติมน้ำมันความแรงสูงให้กับเครื่องยนต์

 

มีศัตรูที่คอยทำร้ายผลลัพธ์ของคุณซ่อนอยู่ ไม่ใช่เรื่องวินัย ไม่ใช่เรื่อง emotions หรือการมีกลยุทธ์ที่ผิด แน่นอนว่าสิ่งที่กล่าวมานี้มันมีผลเสียแน่ แต่สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่มองเห็นได้ง่าย ๆและสามารถแก้ไขได้

แต่สิ่งที่ผมจะพูดถึงต่อไปนี้เป็นอันตรายยิ่งกว่า ที่มันอันตรายยิ่งกว่าก็เพราะมันไม่ปรากฏให้เราเห็นเป็นรูปธรรม และเพราะมันยังส่งผลกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำด้วย แล้วอะไรล่ะคือศัตรูที่เรามองไม่เห็นนี้ มันเป็นสิ่งที่เบสิคมากนั่นคือ การพอใจอยู่กับผลงานในปัจจุบัน

เดี๋ยวก่อน! นั่นคือสิ่งที่คุณไม่สมควรจะมีความสุขรึ? แน่นอน คุณสมควรได้รับความสุข และคุณก็สมควรที่จะให้รางวัลกับตัวเองด้วยความชื่นชมยินดี แต่อย่าอยู่ตรงนั้นนานเกินไป อย่าหยุดถ้าคุณหวังผลแบบยิ่งใหญ่ ให้รางวัลกับผลงานที่คุณได้รับให้เต็มที่เมื่อคุณเริ่มทำกำไรได้แล้ว แต่อย่าหยุดแค่ตรงนั้น ความพอใจกับสิ่งที่ได้รับในปัจจุบันจะนำไปสู่การเสียโอกาสในอนาคต มันเป็นสาเหตุที่ทำให้การพัฒนาศักยภาพไปให้สูงสุดสะดุดและช้าลง เพราะฉะนั้นจงทำให้สิ่งที่เรียกว่าดีที่สุดนั้นดีขึ้นไปอีกอย่าหยุด

ถ้ากำไรที่ดีที่สุดของคุณต่อวันตอนนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 7 points สำหรับ E-mini S&P 500 ในขณะที่วันส่วนใหญ่ break even หรือได้กำไรนิดหน่อย ถ้าคุณพอใจอยู่แค่นี้ คุณจะเอาแรงบันดาลใจที่ไหนไปทำให้คุณได้ 10 ถึง 15 points ต่อวัน? แล้วถ้าคุณไม่ได้ต้องการกำไรมากแบบนั้น คุณจะเอาแรงบันดาลใจที่ไหนมาพัฒนาตัวคุณเอง?

คุณอาจจะคิดแค่ว่าตอนนี้ขอปรับปรุงเทรดที่แย่ ๆ ก่อนแล้วค่อยคิดถึงการพัฒนา best trade ได้มั๊ย แน่นอนว่าได้ แต่ขอผมถามอะไรคุณสักอย่าง อะไรคือสิ่งที่ง่ายกว่ากันระหว่าง แก้ไขจุดบกพร่องกับพัฒนาจุดแข็ง? ลองคิดดูครับ อะไรที่คุณคิดว่าจะทำได้สำเร็จง่ายกว่ากันในการใช้ชีวิตปกติ การทำสิ่งที่คุณทำได้ดีให้ดียิ่งขึ้นกับการแก้ไขนิสัยที่ไม่ดีให้หายไป ผมคิดว่าบทสรุปของคำตอบมันก็เห็นชัดอยู่แล้ว

ผลสรุปก็คือ ในขณะที่คนที่มีความสามารถสูง (ไม่ว่าจะเป็นนักกีฬาที่ยอดเยี่ยมหรือเทรดเดอร์ที่เก่ง ๆ) พวกเค้าทำงานเพื่อปรับปรุงจุดอ่อนของเค้าเป็นประจำ แต่พวกเค้าใช้เวลามากกว่าในการพัฒนาจุดแข็งของตัวเองให้ดียิ่งขึ้นไปอีก  และใช้จุดแข็งนี้ทดแทนข้อด้อยของพวกเค้าเอง

ยกตัวอย่าง คุณมีจุดแข็งในการเทรด intraday เทรนด์ได้ดี คุณมีความสามารถในการอดทนและรอคอยโดยปราศจากความกลัวใด ๆ ทำให้คุณสามารถ hold your winner ได้นานและมากกว่าคนอื่นทั่วไป เพราะคุณมีความสามารถในการรอคอยและไม่กลัวที่จะเสียกำไรที่ได้มา คุณมีเทคนิคที่ใช้เพื่อยืนยันและอ่านได้ล่วงหน้าว่ามันจะเป็นเทรนด์

ในทางตรงกันข้าม คุณมักจะพลาดบ่อย ๆ ในวันที่เป็น sideway market คุณมักจะพบกับ fake breakout อยู่บ่อย ๆ และมันทำให้คุณโกรธอยู่เป็นประจำ แล้วคุณก็มีจุดอ่อนในการอ่านตลาดในวันที่เป็น choppy day นี่คือจุดอ่อนโดยธรรมชาติของคุณ แล้วจุดแข็งของคุณล่ะ คุณจะไม่ทำอะไรกับมันหน่อยเหรอ?

ก็นะ ถ้าคุณเป็นเหมือนกับเทรดเดอร์ส่วนใหญ่ที่เค้าเป็นกัน คุณไม่แม้แต่จะใส่ใจกับจุดแข็งของคุณ เพราะคุณโอเคและพอใจกับสิ่งที่ได้รับ ขอให้ผมได้ตั้งคำถามกับคุณหน่อยว่า ถ้าคุณสามารถพัฒนาการเทรดเทรนของคุณให้สามารถ hold position ได้นานขึ้นและสามารถมองเห็นโอกาสที่จะเป็นเทรนได้เร็วยิ่งขึ้นล่ะ? ถ้าเฉลี่ยต่อเดือนคุณกำไรจากการเทรดเทรนด์ 30 points และเสียโดยเฉลี่ย 30 points ต่อเดือนในวันที่เป็น sideway market นั่นทำให้สรุปแล้วผลลัพธ์ต่อเดือนของคุณเป็น break-even แล้วถ้าคุณสามารถพัฒนาจุดแข็งในการเทรดเทรนด์ได้ดีขึ้นแค่เพียง 20% นั่นจะทำให้คุณมี P/L เป็นเขียว 6 points แปลว่าคุณจะกำไรขึ้นมาเลยทันที

แน่นอนถ้าคุณสามารถแก้ไขจุดอ่อนของคุณในวันที่เป็น sideway market ได้ 6 points ผลลัพธ์มันก็จะออกมาเหมือนกัน แต่ประเด็นก็คือ มันจะเป็นเรื่องยากกว่ามากในการกำจัดจุดอ่อนของคุณในขณะที่มันก็จะง่ายกว่ามากในการพัฒนาสิ่งที่คุณมีความสามารถพิเศษเพราะสิ่งต่าง ๆ มันมักจะดูเข้าทางเวลาคุณทำอะไรที่คุณทำได้ดี นั่นจึงทำให้เปอร์เซ็นต์ที่คุณได้เพิ่มขึ้นจากสิ่งที่คุณถนัดมันเป็นเป้าหมายที่ง่ายกว่า และนี่คือสิ่งที่ทำให้เกิดความแตกต่าง




คนที่มีพรสวรรค์หรือมีความสามารถพิเศษในการทำสิ่งต่าง ๆ จะเข้าใจสิ่งที่ผมอธิบายไว้ข้างบนเป็นอย่างดี พวกเค้าพยายามแก้ไขจุดบกพร่องของตัวเองเสมอ แต่จะใช้เวลาและโฟกัสมากกว่าในการพัฒนาจุดแข็งของพวกเค้า

นักแบดมินตันคนนึง เธอเป็นคนที่ตีโฟร์แฮนด์ได้ดีมาก แน่นอนว่าเธอพยายามที่จะแก้ไขแบ็คแฮนด์ของเธอให้ดีขึ้นเสมอ แต่เธอจะเป็นนักแบดฯ ที่ดีขึ้นกว่าเดิมมากถ้าเธอสามารถพัฒนาโฟร์แฮนด์ของเธอที่ดีอยู่แล้ว ให้เป็นโฟร์แฮนด์แบบ world-class เพราะการมีโฟร์แฮนด์ช็อตที่ยอดเยี่ยมหลาย ๆ ครั้ง มันทำให้เธอชนะเกมส์ เซ็ต แมทช์ และยังทำให้เธอเป็น great player อีกด้วย

จากสิ่งที่ผมพูดไปทั้งหมด สิ่งที่ผมอยากให้คุณทำตอนนี้ก็คือ ให้คุณดึงเอา report ออกมาดูจาก trade journal ของคุณ (ถ้าคุณไม่มี trade journal หรือไม่เคยบันทึกการเทรดเลยก็ขอให้โชคดีนะครับ) แล้วดูสิว่า จุดแข็งของคุณอยู่ที่ไหน? กลยุทธ์อะไรที่คุณใช้แล้วทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีอยู่เสมอ? สถานการณ์ตลาดแบบไหนที่ทำเงินให้คุณได้บ่อย ๆ ? เมื่อคุณพบคำตอบนี่คือสิ่งที่คุณต้องทำ

ทุกครั้งที่คุณมี best trade สิ่งที่ต้องทำทันทีคือ ตั้งเป้าหมายใหม่เพื่อเอาชนะ best trade ของคุณให้ได้

แค่นี้เหรอ? ไม่มีอะไรที่ซับซ้อนกว่านี้เหรอ? ไม่มี แค่นี้แหล่ะ แต่ don't be fooled ขบวนการที่ดู simple นี้จะก่อให้เกิดปฏิกริยาลูกโซ่กับสิ่งอื่นที่คุณจะทำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เพื่อที่จะทำให้คุณขยับขึ้นไปอีก level นึง ซึ่งมันจะเป็นเหมือนคุณกำลังเติมน้ำมันเครื่องบินเจ๊ตใส่เครื่องยนต์ของคุณนั่นแหล่ะ

เพื่อที่จะเข้าใจวิธีการนี้ว่ามีอนุภาพเพียงใด เรามาคิดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากคุณตั้งเป้าหมายใหม่เพื่อเอาชนะเป้าหมายเดิมของคุณกัน เมื่อคุณต้องการที่จะเอาชนะ your best คุณต้องหาวิธีการว่าจะทำอย่างไรที่จะเพิ่มขีดความสามารถของคุณขึ้นไป เมื่อคุณมีเป้าหมายที่สูงขึ้น มันจะเหมือนกับการเติมเชื้อเพลิงแรงสูงเพื่อผลัดดันคุณให้ทำสิ่งต่าง ๆ หนักขึ้น มากขึ้น จากอะไรก็ตามที่คุณเคยทำเป็นประจำมากมายนัก เมื่อคุณไม่พอใจกับสถานการณ์ปัจจุบันของคุณ คุณก็จะต้องพยายามหาหนทางหรือวิธีการใหม่ ๆ เพิ่มเติมเพื่อที่จะเอาชนะมัน แทนที่จะหยุด พัก เวลาที่ตลาดปิดคุณยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานแล้วรีวิวเทรดของคุณ อะไรคือสิ่งที่คุณจะทำได้เพื่อทำให้ผลงานดีขึ้นไปอีก? มีพฤติกรรมของตลาดอะไรที่คุณพลาดไปหรือเปล่า? แล้วทำอย่างไรที่คุณจะไม่พลาดอีกในครั้งต่อไป? อะไรที่คุณทำได้ถูกต้อง? แล้วจะทำอย่างไรให้ทำได้ดีขึ้นไปอีก?

เพิ่มจำนวนสัญญาขึ้นเมื่อพบว่าเป็น easy setup มั๊ย? เข้าตลาดให้เร็วกว่านี้มั๊ย? เลิก scale out ดีมั๊ย?

ถ้าเป็นแบบนี้มันจะไม่มีขีดจำกัดในการที่คุณจะพยายามปรับปรุงความสามารถของคุณให้ดีขึ้นในทุก ๆ วัน และนี่คืออานุภาพของ simple medthod มันช่วยปรับขบวนการทุกอย่างในชีวิตของคุณให้ดีขึ้น และการรู้ว่าคุณมีเป้าหมายใหม่ให้เอาชนะ คุณจะมีโฟกัสมากขึ้นและมีสมาธิมากขึ้นเหมือนแสงเลเซอร์ที่ชี้ไปยังจุดใดจุดหนึ่ง ในที่สุดแล้ว ไม่ใช่แค่คุณสามารถที่จะพัฒนาขีดความสามารถของคุณขึ้นมาได้เท่านั้น แต่ในระหว่างขบวนการนั้นมันยังปรับปรุงจุดอ่อนของคุณขึ้นมาได้ด้วยโดยที่คุณอาจจะไม่รู้ตัว และคุณก็จะกลายเป็นเทรดเดอร์ที่ดีขึ้นกว่าเมื่อวานในภาพรวม

อ่านต่อตอนที่ 14 >>

คำถาม ช่างซับซ้อน: เทรดได้เงินแล้วมาสอนเทรดทำไม?
คำตอบ ช่าง(Simple): อยากเก่งเรื่องอะไร ให้สอนเรื่องนั้น อยากเทรดให้เก่ง ก็ยิ่งต้องสอนเทรด the more you tech, the better you learn.

Our Recommended Platform