ชื่อเรื่องอาจจะดูท้าทายหน่อย แต่ไม่ใช่ผมไม่กลัวนะ 555
แต่อย่างน้อยที่สุดเรื่องที่จะมาเล่าสู่กันฟังในวาระนี้ก็จะมีเจ้าไวรัสตัวนี้เป็นพยาน ในอีกหลายปีข้างหน้าถ้าใครเปิดมาเจอจะได้นึกออกครับว่าบทความนี้ถูกเขียนขึ้นในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดช่วงหนึ่งของมวลมนุษย์ชาติ และเป็นช่วงที่เทรดยากที่สุดช่วงนึงเช่นเดียวกันสำหรับคนที่ไม่รู้วิธีเทรด
ต้นฉบับบทความนี้ถูกเขียนเมื่อปี 2563 เป็นช่วงโควิดระบาด ซึ่ง ณ ปัจจุบันกฏกติกาการสอบน่าจะเปลี่ยนไปพอสมควรแล้ว (ง่ายขึ้นเยอะ)
บทความนี้ยาวแน่ แต่เมื่อคุณอ่านจนจบ ก็จะเหมือนกับได้เปิดโลกใหม่แห่งการเทรดเลยทีเดียว
ณ เวลาที่เขียนนี้ผมเป็น Trader มาแล้วร่วม ๆ 8 ปี โดย 2 ปีแรกไม่ต้องพูดถึง เรียกว่าแย่ดีกว่า แต่ก็รู้ตัวค่อนข้างเร็วรวมถึงก็ไม่ได้มีความเชื่อว่าวิธีที่ไปเสียเงินเรียนมา 3 แสนบาทนั่นมันจะใช้ได้อยู่แล้ว ก็มีอย่างที่ไหนกัน เท้ายืนอยู่ในตลาด แต่ตากลับไปมองแต่ Indicators รวมถึงผมค่อนข้างเคี่ยวเรื่อง Money Management อยู่แล้ว ก็เลยไม่ได้เจ็บหนักอะไร
เวลาผ่านไปอย่างไว ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้ยินคนพูดกันเยอะเกี่ยวกับเรื่องการเทรด และวงการเทรด ถ้าเป็นในเมืองไทยวิธีก็จะวน ๆ อยู่กับที่ 10-20 ปีที่แล้วเป็นยังไง วันนี้ก็เป็นแบบนั้น (ก็เป็นแบบที่ผมไปเสียเงิน 3 แสนเรียนมานั่นแหล่ะ) ในขณะที่เมืองนอก อย่างอเมริกาพัฒนาในไปไกลมากแล้ว ซึ่งผมก็โชคดีที่ได้ศึกษากับเทรดเดอร์ที่เก่งจริง ๆ และที่สำคัญเป็นครูที่ดีมากด้วย ถ้าจะให้ผมสรุปสั้น ๆ ว่าการเทรดที่ได้ผลจริงคืออะไร ก็จะบอกว่า
“การเทรดคือ Skill Skill ที่จะสามารถมองเห็นโอกาส และฉกฉวยโอกาสนั้นไว้ให้ได้”
ที่นี้ก็จะเป็นเรื่องปกติมากที่จะมีคนถามว่า “ไหนล่ะ เอาอะไรมาพิสูจน์ว่าคุณเทรดได้จริง”
การที่มีคำถามแบบนี้เกิดขึ้นตลอดเวลานั้นคุณคงจะเดาได้อยู่แล้วว่าเค้าถามคำถามนี้กันทำไม เหตุผลก็เป็นเพราะ คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะมีใครเคยเห็นจะ ๆ ว่าจะมีใครสักคนเทรดได้จริง ๆ เลย ส่วนใหญ่ก็จะเป็นราคาคุย ส่วนใหญ่เวลาเอาพอร์ตมาโชว์ก็มีทั้งจริง และ Photoshop กันมา เพราะฉะนั้นการที่จะหาใครสักคนที่ทำกำไรจากการเทรดได้จริง ๆ จึงยากเหลือเกิน ไม่ต้องกลัวสิ่งที่ผมจะเอามาพิสูจน์มันเป็นเรื่องที่ใคร ๆ ก็ปฏิเสธไม่ได้ครับว่ามันเป็นเรื่องจริง
มาเข้าเรื่องหลักกันเลยดีกว่า เรามักจะเคยแต่ได้ยินกันว่า มีคนที่เค้าคุย เค้าโฆษณา ว่าเค้าเทรดได้จริง จากนั้นก็เริ่มเชิญชวนให้มาร่วมลงทุนกับเค้า ก็มีหลายรูปแบบ ทั้ง Copy Trade ทั้งกองทุนต่าง ๆ ทั้งเล็กและใหญ่ จนหลาย ๆ เคสจบลงด้วยการฟ้องร้อง กลายเป็นธุรกิจในรูแปบบแชร์ลูกโซ่กันไปเยอะแยะ ข่าวก็ดังอยู่ไม่ใช่น้อย
ไม่ต้องกลัวผมไม่ได้จะมาชวนคุณเข้าก๊วนแน่นอน -_-“ แต่ผมจะชวนคุณทำในสิ่งตรงกันข้ามเลยต่างหาก!
นั่นคือ การสอบเป็น Funded Trader
ทีนี้คำถามที่จะตามมาก็คือ
- Q: Funded Trader คืออะไร?
- A: ตอบง่าย ๆ ก็คือ Trader ที่เทรดด้วยเงินของสถาบันการเงิน!
Q: สถาบันการเงินที่เคี่ยวแสนเคี่ยวเนื่ยนะจะให้เงินเราเพื่อเทรดให้เค้า จะเป็นไปได้รึ?
- A: เป็นไปได้ซิครับ แล้วก็มีกันมาเป็น 10 ปีแล้ว เพียงแต่คุณ ๆ ทั้งหลายส่วนใหญ่ไม่รู้กันแค่นั้นเอง ผมถึงได้บอกว่าอ่านให้จบ แล้วคุณจะรู้อะไรที่ไม่เคยรู้มาก่อน ขอให้คุณเก่งจริงก็แล้วกัน โอกาสของ Trader ตัวจริงมีอยู่เสมอครับ และถึงแม้คุณจะเป็นมือใหม่ ผมก็แนะนำให้สอบอยู่ดี เดี๋ยวอ่านไปเรื่อย ๆ จะรู้เหตุผลเอง
- Q: แล้วผลตอบแทนเป็นอย่างไร?
- A: อย่าตกใจนะครับถ้าผมจะบอกว่า กำไรที่คุณทำได้ทั้งหมด คุณเก็บไว้ 80% สถาบันการเงินเค้าเก็บไว้แค่ 20% เท่านั้น
- Q: 80/20 เนี่ยนะ จะเป็นไปได้ยังไง?
- A: เป็นไปแล้วครับ แล้วถ้าคุณลองคิดดูดี ๆ คุณก็จะพบว่ามันสมเหตุสมผลมากเพียงใด ลองทำตามนะครับ ผมอยากให้คุณลองมองรอบตัวคุณแล้วชี้ไปที่ Trader ที่คุณรู้จักและแน่ใจว่าเค้าคือ Trader ที่สามารถทำกำไรจากตลาดได้จริงออกมา 1 คนสิครับ………ติ๊กตอก………ติ๊กตอก………ติ๊กตอก……… เราจะพบว่าส่วนใหญ่จะหาไม่เจอเลยสักคนครับ!
- Q: ทำไมถึงเป็นแบบนั้น?
- A: ถ้าคุณเทรดมาได้สักพักใหญ่ ๆ แล้ว คุณก็จะรู้ครับว่า การเทรดให้ได้กำไรยั่งยืน มันไม่ได้ง่ายเลย!
- Q: แล้วจะเจอคน ๆ นั้นได้ยังไง จะล่อเค้าออกมายังไง?
- A: คำตอบง่ายมาก ก็เอาเงินมาล่อซิครับ 555 แต่ต้องเป็นเงินที่สมน้ำสมเนื้อด้วยนะครับ คุณจะพบว่า ถ้าสถาบันการเงินได้ตัวเทรดเดอร์ที่เทรดได้จริงมาเทรดให้เค้า ผลตอบแทนที่สถาบันได้ 20% แล้วได้ค่อนข้างจะแน่ด้วย จะเห็นว่าสถาบันการเงินนี่นอนกินมากนะครับ ไม่ต้องทำอะไรมากมายเงินก็งอกเงยแล้ว 20% แทบจะนอนมาเลย
- Q: ระหว่างเป็น Master (ชวนนักลงทุนรายย่อยมาร่วมลงทุน แล้ว Master ซึ่งเป็นเทรดเดอร์เทรดให้ แล้วได้ส่วนแบ่งเป็นเปอร์เซ็นต์) กับ Funded Trader ต่างกันอย่างไร?
- A: โอ้!! ต่างกันลิบลับ
- สิ่งที่ Master จะต้องเจอ เมื่อเทรดแล้วเสีย หรือผิดทาง นั่นก็คือ เสียงจะดังขึ้นมารอบทิศทางเลยครับ
“ทำไมไม่ cut (loss) โว้ย” , “ทำไมไม่ถัววะ”, “หลอกกันใช้มั๊ยเนี่ย”, “เอาเงินชั้นคือมานะ Office แกอยู่ที่ไหน”, “ชั้นจะแจ้งความ” ผ่าาาาามมม!!!!
คือบั่ม….เพื่อแลกกับเงินส่วนแบ่งแค่ไม่กี่ 10% จะต้องเจอกับอะไรขนาดนี้เลยเหรอครับ แล้วเมื่อเทียบกับการเป็น Funded Trader ล่ะ
- เมื่อเป็น Funded Trader สิ่งที่จะต้องเจอเมื่อเทรดเสีย
……………………………..
Silent ครับ ไม่มีอะไรครับ ไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีข้อความ ไม่มีอะไรทั้งสิ้น เสียก็เสีย อย่างมากที่สุดก็แค่กลับไปสอบมาใหม่ เริ่มใหม่ เพราะถ้าจะมีใครสักคนเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า Financial Market นั้นเป็นอย่างไร ก็สถาบันการเงินเนี่ยแหล่ะครับที่เข้าใจ ว่ามันยากเพียงใด และมีความเสี่ยงอย่างไร สิ่งที่เค้าทำก็แค่ตั้งกฏออกมา ถ้าเทรดได้ตามกฏ 1234 ก็ได้ส่วนแบ่งไป 80% ถ้าเสียก็ไปสอบมาใหม่ จบ! มันก็แค่นั้น
- สิ่งที่ Master จะต้องเจอ เมื่อเทรดแล้วเสีย หรือผิดทาง นั่นก็คือ เสียงจะดังขึ้นมารอบทิศทางเลยครับ
- Q: แล้วคุณสมบัติของเทรดเดอร์ที่จะสอบเป็น Funded Trader มีอะไรบ้าง เปิดสำหรับคนทั่วไปหรือเปล่า
- A: เป็นคนอยู่บนโลกใบนี้ที่อายุถึง มีคอมพิวเตอร์ที่สามารถใช้เทรดได้ คุณสมบัติก็มีแค่นี้แหล่ะครับ ใครก็สอบได้ทั้งนั้น ไม่ต้องเดินทางไปที่ไหน อยู่หน้าจอคอมฯ คุณเองนั่นแหล่ะ
- Q: เชื่อถือได้ขนาดไหน?
- A: ไม่ต้องกลัวครับ สถาบันที่ผมจะเขียนถึง และแนะนำในบทความ ประกอบธุรกิจนี้มาเป็น 10 ปีแล้วครับ สามารถตรวจสอบ และอ้างอิงได้ รวมถึงมีกรุ๊ปอยู่ใน Facebook ด้วย เหล่า Funded Trader ทั่วโลกเค้าคุยกันอยู่ในนั้นครับ แต่คนที่จะสามารถเข้าไปในกรุ๊ปนั้นได้ ต้องสอบผ่านเสียก่อน แล้วเค้าจะส่งทางเข้ามาให้เองครับ
เพราะฉะนั้นมันจึงนำมาสู่คำถามตัวใหญ่ ๆ ที่ผมจะถามคุณกลับบ้างว่า“ถ้าคุณเป็นเทรดเดอร์ที่ทำกำไรได้จริง คุณจะเลือกเป็น Master ให้กับกองทุนของนักลงทุนรายย่อย หรือคุณจะเลือกเป็น Funded Trader ครับ ?”
ผมตอบให้เอง คำตอบมันอาจจะเจ็บและแทงใจดำหน่อยนะครับ ถ้าเป็น Funded Trader ได้ ใครที่ไหนจะอยากเป็น Master เพื่อได้ผลตอบแทนไม่กี่ 10% ละครับ ก็ที่มาเป็น Master ก็เพราะไม่รู้ว่ามี Funded Trader หรือพยายามจะเป็น Funded Trader แล้วแต่เป็นไม่ได้ไงครับ ส่วนที่เป็นไม่ได้ก็คงต้องลองคิดดูเองครับว่าทำไมถึงเป็นไม่ได้